รวมประโยชน์น่ารู้จากพืชยอดนิยมอย่าง พืชกระท่อม

แชร์:

รวมประโยชน์น่ารู้จากพืชยอดนิยมอย่าง พืชกระท่อม

พืชกระท่อม กำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในปัจจุบันเพราะแต่ก่อนจัดอยู่ในสิ่งเสพติกที่ผิดกฎหมาย แต่ในปัจจุบันได้ถูกปลดล็อคเป็นพืชที่ได้รับความนิยมแต่รู้หรือไม่ว่ามันมีประโยชน์อย่างมากต่อร่างกายของเราถ้านำมาใช้อย่างถูกวิธี

พืชกระท่อม ที่จะ มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Mitragyna speciosa ( Korth. ) Havil. ที่มันจะ เป็นพืช ที่จัดอยู่ในวงศ์เข็ม และ กาแฟ ( Rubiaceae ) และมันจัดอยู่ใน เป็นไม้ยืนต้น ความสูง ของมันจะประมาณ 4 - 16 เมตร และยัง สามารถ เติบโตได้ดีในที่ชุ่มชื้น ความชื้นสูง ดินอุดมสมบูรณ์ และ ต้องมีแสงแดดปานกลาง ไม่แรงมากจนเกินไป พืชกระท่อม จัดเป็นพืชที่ มันจะ มีสารออกฤทธิ์ต่อ จิตประสาท เป็นพืช พื้นเมืองของ ประเทศไทย และ ประเทศมาเลเซีย เราสามารถ พบ พืชกระท่อม ได้ในเขตร้อน และ กึ่งร้อนของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และ แทปทวีปแอฟริกา

ใน สมัยโบราณมีการใช้ใบ พืชกระท่อม เพราะ มีประโยชน์อย่างมาก ทางการแพทย์ โดยการใช้ เพื่อรักษาการติดเชื้อในลำไส้ บรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อ ลดไข้ บรรเทาอาการไอ และ แถมไปรักษา โรคท้องร่วง ได้อีกด้วย โดยใช้ใบสด หรือ ใบแห้งนำมาเคี้ยว สูบ หรือ ชงเป็นน้ำชา แถม นอกจากนี้ยังมีการใช้ พืชกระท่อม กันในกลุ่มของผู้ใช้แรงงาน เพื่อกดความรู้สึกเมื่อยล้า ให้หาย ไปได้ แถมยังทนต่อการทำงานกลางแจ้ง ทนร้อน ทนแดด และ มันยังสามารถทำงานได้ยาวนานมากขึ้น ได้นั่นเอง รู้หรือไม่ว่า พืชกระท่อม มันมีประโยชน์อย่างมาก ในเรื่องการรักษา ต่าง ๆ โดยเราจะ อธิบาย ว่ามันมีประโยชน์ อย่างไรบ้าง ไปดูกัน กับ สพรรคุณ ของ พืชกร่ท่อม

ช่วยแก้อาการ ไอ โดยการ ให้ใช้ใบสด 1- 2 ใบ พอประมาณ แล้ว นำไป ต้มกับน้ำตาลทรายแดง แล้วดื่มแก้ไอ หรือ อาจจะนำมาเคี้ยวใบสด คายกาก และ ให้ทำการ ดื่มน้ำตามให้มาก เพื่อป้องกันท้องผูก นั่นเอง
ช่วยในเรื่อง ของการ แก้ปวดเมื่อย โดยการ ให้เรา นำสมุนไพร ดังต่อไปนี้ นั้นก็คือ เถาวัลย์เปรียง, มะคําไก่, มะแว้งต้น, มะแว้งเครือ, เถาโคคลาน, เถาสังวาล, พระอินทร์, หญ้าหนู, ต้นผักเสี้ยนผี, แก่นขี้เหล็ก กับ ใบมะกา อย่างละ 1 ส่วนโดยประมาณ และนำ พืช ดังต่อไปนี้ นั้นก็คือ เนื้อในฝักราชพฤกษ์ 5 ฝัก, ใบกระท่อม 2 ส่วน เถา กําแพงเจ็ดชั้น 3 ส่วน จากนั้นก็นำไปต้มใช้รับประทาน ในช่วงก่อนอาหาร เช้า-เย็น ครั้งละ ครึ่ง-1 ถ้วยกาแฟ
ใช้ในการแก้ท้องร่วง หรือ ปวดท้อง โดยการใช้ในการรักษานั้น ให้เลือกทำดังนี้ สามารถ นำไป เคี้ยวใบ ประท่อม แล้วดื่มน้ำตาม เยอะๆและอีกวิธีการ ให้เรา ทำการ ต้มใบกระท่อม จากนั้น เติมเกลือ ลงไป และน้ำตาลทรายแดง ลงไป เล็กน้อย หลังจาก นั้นให้ นำส่วนผสมต่าง ๆ ตามที่เราจัดให้ ดังนี้ เปลือกต้นของกระท่อม เปลือกต้นสะเดา เปลือกต้นมะขาม หนักอย่างละประมาณ 50 กรัมและต่อไปคือนำ หัวขมิ้นชัน ( แก่ ) หัวกระทือ ( แก่ ) อย่างละประมาณ 1 หัว เผาไฟพอสุก พอประมาณ หลังจากนั้น นำไป ต้มรวมกับน้ำปูนใสและ น้ำ ธรรมดาอย่างละเท่า ๆ กัน และ ให้เรา รับประทานครั้งละประมาณ 2 - 3 ช้อนแกง เมื่อหายจึงหยุดทาน
รักษาโรคเบาหวาน โดยการ ใช้ในการรักษานั้น ให้ เราเลือกทำดังนี้ โดยการ ใช้ส่วนผสมของ พืชกระท่อม ทั้ง 5 โดยจะมี ใบ กิ่ง เปลือกต้น รากเนื้อไม้ หรือ อาจจะ ใช้ต้นกระท่อมต้นเล็ก โดย ต้องมีความสูงประมาณ 1 ศอก ต่อ 1 ต้น หลังจากนั้น ให้เรา นำมาสับใส่หม้อต้ม และให้เรา ทำการ รับประทานครั้งละ 3 - 5 ซ้อนแกง โดยการ รับประทาน เช้า – เย็น หรือ อีกวิธี โดยการ ให้เรา นำไป
เคี้ยวใบกระท่อม วันละประมาณ 1 ใบ ให้นาน 41 วัน หรือ อาจจะ
ต้มใบกระท่อม หญ้าหนวดแมว ไม้ค้อนตีนหมา อย่างละเท่า ๆ กัน
ต้มน้ำ 3 เอา 1 ดื่มครั้งละ 1 ช้อนโต๊ะ เช้า-เย็น ต้มใบกระท่อม ผสม อินทนินน้ำ กระเทียมต้น และ กระเทียมเถา

และ ใยขณะเดียวกัน ทีจากมนักวิจัยจากทาง คณะวิทยาศาสตร์ ม.สงขลานครินทร์ ได้มีการศึกษาเพิ่มเติม โดยการ ที่เรา ทำการค้นพบว่า พืชกระท่อม นั้น สามารถ ที่จะไป ช่วยต้านอาการซึมเศร้า ได้เป็นอย่างดี และ จากการทดสอบ และ ได้บันทึกคลื่นสมอง ในหนูทดลอง และ ซึ่งพบว่า หนูที่ได้รับสารจาก พืชกระท่อม นั้น จะมีการเคลื่อนไหวแบบ แอคทีฟ โดยไม่เซื่องซึมหรือหยุดนิ่งแต่อย่างใด และ เมื่อเทียบกับหนูทั่วไป นอกจากนี้ ยังสามารถ ไป ในเรื่องของการ ช่วยบรรเทาอาการของ โรคพาร์กินสันได้ เป็นอย่างดี อีกด้วย นั่นเอง และ ซึ่งคณะทีมวิจัยจะทำการศึกษาในมนุษย์ รวมถึงจะทำการศึกษาเพื่อบำบัดอาการเสพติด เฮโรอีน และ ยาบ้า ต่อไป นั่นเอง

แต่ถึง อย่างไรก็ตาม ถ้า หากเรา มีการนำไปใช้ในแบบผิดวัตถุประสงค์ หรือ ไปใช้ในทางที่ผิด มันก็อาจเกิดผลเสียให้กับร่างกาย ของเรา ได้เหมือนกัน อาทิเช่น มีการทำการผสมกับสิ่งเสพติดชนิดอื่น ๆ เพื่อดื่ม เป็นสิ่งมึนเมา มีการขายน้ำต้มกระท่อมในหอพัก สถานศึกษา รวมไป ถึงจำหน่ายอาหาร ที่มีส่วนผสมของใบกระท่อมแก่ สตรีมีครรภ์ และ ผู้มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ที่บอกเลยว่า อันตราย อย่างมาก ต่อร่างกาย ของเรา และ ก็ยังถือว่าเป็นการทำผิดกฎหมาย ไม่สามารถทำได้อยู่ดี นั่นเอง

ขอบคุณข้อมูล: มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

อ่านบทความเพิ่มเติม